ภาษา

EnglishThai

Jd1.เรียกตำรวจนครปฐม สืบภาค7 เร่งคดียิงโอ๊ดสักลาย

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 17 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้ไปเร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญในคดี ยิงโอ๊ดสักลาย โดยเรียกส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน
รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์ นวท.(สบ.5) ศพฐ.7 พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ท้องที่เกิดเหตุ พ.ต.อ.อรรถการ กองสุพล ผกก.สืบสวน จว.นครปฐม ผกก.(กลุ่มงานสอบสวนฯ) รอง ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ศูนย์ราชการ ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

หลังฟังการรายงานความคืบหน้าของแต่ละหน่วยหน้างานการสืบสวน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้กำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เร่งรัดสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้จงได้ โดยมอบหมายให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับผิดชอบตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นครปฐม รับผิดชอบตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลังเกิดเหตุ และชุดสืบสวน บก.สส.ภ.7 รับผิดชอบตรวจสอบข้อมูลภาคอากาศและตรวจสอบ การทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ต้องหาและบุคคลใกล้ชิดผู้ต้องหา ตามที่ได้สั่งการเพิ่มเติม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวน ดำเนินการเร่งรัดสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เร่งรัดส่งหัวกระสุนปืนตรวจพิสูจน์หลักฐาน เร่งรัดผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ ผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานนำเข้าในสำนวนการสอบสวน เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ และเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในคดีนี้ โดยให้ทำแผนที่เกิดเหตุให้ละเอียดโดยให้อยู่ภายใต้แนวทางของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานให้ดำเนินการตรวจสอบเปรียบเทียบหัวกระสุนของกลางว่าตรงกับผลตรวจพิสูจน์อาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนที่เคยใช้ก่อเหตุในคดีอื่น ๆ หรือไม่ ให้ผู้บังคับบัญชา แต่ละหน้างาน ควบคุมกำกับดูแลและสั่งการในคดีด้วยตนเอง ให้ดำเนินการแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ฝ่ายผู้เสียหายเป็นระยะ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีทุกนาย พึงระมัดระวังการให้ข่าว โดยเน้นย้ำอย่าให้มีการเผยแพร่แนวทางการสืบสวน หรือข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องทางคดี ต่อสื่อมวลชนหรือมีภาพไปปรากฏบนสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ อาจทำให้ข้อมูลความลับคดีหรือเทคนิคในการสืบสวนรั่วไหล ทำให้ทำงานได้ยาก กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานร่วมกันเป็นทีม(teamwork) บูรณาการการข่าวร่วมกันทุกฝ่าย แบ่งหน้าที่กันทำงานให้ชัดเจน ให้รายงานผลการปฏิบัติให้ทราบทุกระยะ หากพบปัญหาให้รายงานให้ทราบ เน้นย้ำอย่าให้เกิดข้อบกพร่อง และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” และ “ขยัน อดทน ดำรงตนอย่างมีเกียรติ”

สำหรับคดีดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 03.29 น.วันที่ 13 ม.ค.65 พนักงาน ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งจากศูนย์กู้ชีพ รพ.ศูนย์นครปฐมว่า มีผู้ถูกอาวุธปืนยิงมาเสียชีวิตที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ฯ เหตุเกิดหน้าร้านช่างแมว เลขที่ 248/5 ถ.ยิงเป้า ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม หลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ทราบ และรายงาน
ผู้บังคับบัญชาตะละระดับชั้นทราบ จัดแบ่งกำลังรุดไปตรวจ ทั้ง ที่ รพ.ฯและที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายนพพร กรวิเชียร หรือโอ๊ด อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 1 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ถูกยิงที่บริเวณหน้าท้องช่วงลิ้นปี่ 1 นัด ศีรษะ 1 นัด พยานที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ 3-4 ราย ให้ข้อมูลกับตำรวจว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมค สีเทาไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาตามถนนยิงเป้าจากแยกริเวอร์(หนองขาหยั่ง)มาจอดบริเวณที่กลุ่มผู้ตายนั่งอยู่จากนั้น ชายคนที่นั่งมาด้านข้างคนขับได้เปิดประตูลงจากรถ โดยสวมหมวกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงใส่นายนพพร ผู้ตาย 1 นัด โดยคนร้ายยังใช้อาวุธปืนยิงซ้ำเข้าที่ศีรษะอีก 1 นัด ก่อนจะวิ่งขึ้นรถที่คนร้ายอีกคนรออยู่ขับพากันหนีไปทางแยกสนามจันทร์ ซึ่งในเบื้องต้นได้ตั้งประเด็นไว้กว้างๆคือ เหตุชู้สาว เหตุล้างแค้น และเหตุขัดแย้งผลประโยชน์ธุรกิจบางอย่าง ซึ่งจากลักษณะเหตุ เป้าหมายของคนร้ายคือ นายนพพร กรวิเชียร ผู้ตายเพราะคนร้ายหันมายิงซ้ำนายนพพร เพียงคนเดียว โดยแนวทางการสืบสวนกระชับประเด็นแคบลง โดยพบว่า ผู้ตายเคยเข้าไปเกี่ยวข้องต้องคดียาเสพติด และเคยเป็นสายให้ทางการในการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดของกลุ่มนายทุนค้ายาเสพติดด้านรอยต่อของจังหวัดนครปฐมด้านทิศเหนือ และกลุ่ม นายทุนค้ายาเสพติด เครือข่ายสำคัญในนครปฐมกลุ่มหนึ่ง

เท่ากับคดีนี้ เป็นงานท้าทายฝีมือตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรนครปฐม…

ที่มา : http://www.pr5news.com/?p=5288

Skip to content