พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา “ร่วมกันจำหน่ายเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมและใช้เอกสารปลอม”

วันนี้(วันจันทร์ ที่ 24 ม.ค. 65) เวลา 10.00 น.
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผบช.ภ.7
พร้อมด้วย
พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ
รอง ผบช.ภ.7
พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์
ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ
รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.สรรค์พิสิฐ แย้มเกษร
รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.สราวุธ ศรีชัย
รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ
รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
นายณภัทร์ เอมอ่อน
นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร
พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์
ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายอุดร เพชรรักษา อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาที่ 1, นายชาญชัย ไชยบุตร อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรษิพรรณ สุขปัน อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 และนายประกอบ เพชรักษา อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อหาความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมและใช้เอกสารปลอม” โดยจับกุมเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 65 เวลา 13.10 น. บริเวณถนนพระราม 2 ขาออก กม.ที่ 42 ต.บาโทรัด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
พร้อมด้วยของกลางในคดี
1.กัญชาอัดแท่ง จำนวน 14 กระสอบ (รวมกัญชาอัดแท่ง จำนวน 595 แท่ง น้ำหนักรวมหีบห่อประมาณ 625.3 กิโลกรัม)
2.รถยนต์กระบะหลังคาทึบ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฒ 6487 กทม. จำนวน 1 คัน
3.แผ่นป้ายทะเบียนรถ หมายเลข 3 ฒฒ 6487 กทม. จำนวน 2 แผ่น
4.แผ่นป้ายภาษี แสดงหมายเลขทะเบียน 1 ฆพ 3819 กทม. หมายเลขตัวรถ MMM142EL0GH620543 จำนวน 1 แผ่น
5.แม่กุญแจล็อกตู้ทึบ ยี่ห้อ BLISS พร้อมลูกกุญแจ จำนวน 1 ชุด
6.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บต 1748 ชุมพร จำนวน 1 คัน
7.โทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา จำนวน 3 เครื่อง
พฤติการณ์แห่งคดี
ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สืบสวนทราบว่า จะมีขบวนการยาเสพติดนัดหมายส่งมอบยาเสพติดกันที่ บริเวณเส้นทางพุทธมณฑลสาย 4 โดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีบรอนซ์เทา มาส่งกลุ่มบุคคลเพื่อรับยาเสพติดในรถยนต์กระบะตู้ทึบ สีขาว ยี่ห้อเชฟโรเลต ในวันที่ 22 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 12.00 น. จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาเวลาประมาณ 12.37 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้พบรถยนต์กระบะ หลังคาทึบ ยี่ห้อเซฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฒ 6487 กทม. ขับผ่านแยกสัญญาณไฟแดงบางปลา ต.นาดี อ.เมืองสมุททรสาคร จว.สมุทรสาคร ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับที่ได้ทำการสืบสวนมา จากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนดังกล่าวพบว่าไม่มีข้อมูลทางทะเบียน จึงได้สะกดรอยติดตามเรื่อยมา และได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพื่อสกัดรถยนต์ดังกล่าว เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวขับขี่มาถึงบริเวณถนนพระราม 2 ขาออก กม.ที่ 42 (หน้าวัดเกตุมดีศรีวราราม) ต.บาโทรัด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เรียกให้หยุดรถ ขอทำการตรวจสอบเอกสารประจำรถยนต์ โดยมีนายอุดรฯ เป็นผู้ขับขี่ และนายชาญชัยฯ เป็นผู้นั่งโดยสาร แต่ไม่สามารถ
นำมาแสดงได้ จึงได้ขอทำการตรวจค้นรถยนต์ ผลการตรวจค้นพบ กัญชาอัดแท่งของกลาง จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 มาดำเนินการซักถามปากคำเพิ่มเติมจนทราบว่า ได้รับการว่าจ้างให้การขนส่งยาเสพติดเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท โดยได้เดินทางมารับยาเสพติดพร้อมกับรถยนต์ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่เส้นทางพุทธมณฑลสาย 4 นำไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมิ น.ส.กรษิพรรณฯ เป็นผู้ติดต่อ และผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้เดินทางมาจากจังหวัดชุมพรพร้อมกันกับ น.ส.กรษิพรรณฯและนายประกอบฯ เพื่อมารับยาเสพติดโดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บต 1748 ชุมพร เมื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้รับรถยนต์พร้อมยาเสพติดแล้ว ได้แยกกันเดินทาง โดย น.ส.กรษิพรรณฯ และนายประกอบฯ ได้ใช้รถยนต์คันเดิมเดินทางกลับ เมื่อทราบดังนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ประสานแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จนกระทั่งในวันเดียวกันเวลาประมาณ 19.10 น.สามารถจับกุมตัว น.ส.กรษิพรรณฯ และนายประกอบฯ พร้อมรถยนต์ ได้ที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ถ.เพชรเกษม ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางมาจัดทำบันทึกนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ดำเนินการสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี”
ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” และชุดสืบสวนจะดำเนินสืบสวนขยายผลไปยังกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป
ณ สภ.เมืองสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
Skip to content