ผบช.ภ7ยันไม่เชื่อคำให้การผู้ต้องหา พ่อน้องกระเต็นมอบแหวนทองผู้พบศพลูก

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 65 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ 7 พล.ต.ต.บุญฤทธ์ รอดมา รอง ผบช.ภ. 7 เดินทางมาที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อสอบสวนนายธนากร อรัญทอง หรือ นายแป๊บ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายฯ หลังก่อเหตุฆ่าเปลือย น.ส.สุมิตรา พลเสน หรือ น้องกระเต็น อายุ 18 ปี ยัดกล่องพลาสติกทิ้งดงหญ้าหลังบ้านพักคนงานแพล้นปูน ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี โดยมี พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.7 สืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี และสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้แถลงผลการจับกุมว่า หลังจากที่น้องกระเต็นได้หายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 08.00 น.นายประสาน ผู้เป็นพ่อไม่สามารถติดต่อบุตรสาวได้ จึงเดินไปหาที่ห้องพักพบว่าประตูห้องมีกุญแจล็อกอยู่ด้านนอก แต่รถจักรยานยนต์ ของบุตรสาวยังจอดอยู่ด้านล่าง จึงสอบถามบุตรสาวคนโตและกรรยา แต่ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือติดต่อผู้ตายได้แต่อย่างใด และเวลาประมาณ 11.33 น. นายประสาน ได้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อแจ้งความคนหาย

และเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นายแป็บ(ผู้ต้องหา) ได้แจ้งกับหัวหน้าคนงานว่าย้ายจาก ห้องเลขที่ 11 ซึ่งอยู่ติดกับห้องผู้เสียชีวิต (ห้องเลขที่ 12) มานอนอีกห้องในชั้นเดียวกันซึ่งเป็นห้องว่าง เวลาประมาณ 21.00 น. นายแเป็บ (ผู้ต้องหา) ได้ไปปลุก นายโมย คนงานชาวพม่า ที่ห้องพักด้านล่างให้มาช่วยขนของ โดยอ้างว่าเป็นกล่องขยะ (กล่องภายในใส่ศพผู้เสียชีวิต ที่ห้องเลขที่ 11 ไปไว้ด้านล่างของอาคารบ้านพักคนงาน

จากนั้นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 15.00 น. นายแป๊บ(ผู้ต้องหา) ได้บอกกับ นางน้ำผึ้ง อรัญทอง ซึ่งเป็นอา ว่าจะกลับบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ ขอให้ขับรถยนต์ไปส่งที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อจะต่อรถเดินทางกลับบ้านที่ จ.กาพสินธุ์

ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 11.00 น.นายประสาน บิดาของผู้ตาย ได้โทรศัพท์แจ้ง สภ.เมืองสุพรรณบุรี ว่าพบกล่องถูกทิ้งบริเวณหลังบ้านพักคนงานลักษณะมีกลิ่นเน่าเหม็น เกรงว่าจะเป็นศพ ของบุตรสาวที่หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าตรวจสอบกล่องดังกล่าว จากการตรวจสอบ พบว่าภายในเป็นศพเพศหญิง ซึ่ง นายประสาน ยืนยันว่าเป็นศพของ น.ส.กระเต็น บุตรสาวที่หายไปจริง พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนจึงได้ทำการสอบสวนปากคำ นายโมย คนงานชาวพม่าให้การยืนยันว่า กล่องที่พบนี้เป็นกล่องที่ นายแป๊บ (ผู้ต้องหา) ได้ให้ช่วยยกออกมาจากห้องพักเลขที่ 11 มาไว้ที่ด้านล่างของที่พักคนงานแพล้นปูน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อ ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้อนุมัติหมายจับ เลขที่ จ17/2565 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อจับกุมตัวนายแป๊บ (ผู้ต้องหา) ในความผิดฐาน 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปีดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายแป๊บ ไม่พบประวัติการต้องโทษ แต่อย่างใด

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง ส่วนมูลเหตุในการลงมือก่อเหตุตามที่ผู้ต้องหาได้ให้การไปก่อนหน้าตามที่เป็นข่าวนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ และได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนหาสาเหตุและมูลเหตุที่แน่ชัดอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนจะมีการล่วงละเมิดทางเพศผู้ตายด้วยหรือไม่นั้นยังไม่ขอลงรายละเอียด อยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมและรอผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจากสถาบันนิติเวชฯ ทั้งนี้ผู้ต้องหายอมรับว่าได้เสพยาเสพติดก่อนจะลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้พบว่า มีอีกหนึ่งห้องที่ผู้ต้อง ไปนอนพัก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบหาวัตถุพยานเพิ่มเติม ส่วนเหตุผลที่ไปเรียกชาวเมียนมาร์มาช่วยยกกล่อง เพราะเคยดื่มเหล้าด้วยกัน และหลังจากยกกล่องศพไปทิ้งเสร็จ ก็กลับมาที่ห้องพักของตนเองเพื่อล้างห้องน้ำ เพราะห้องมีกลิ่นแรงขณะนี้ผู้ต้องหายังอยู่ในอาการเครียด หลังสอบปากคำเสร็จได้นำตัวเข้าห้องคุมขังทันที

ขณะที่พ่อของน้องกระเต็นพร้อมครอบครัวและญาติได้มาสังเกตการณ์แถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย ซึ่งพ่อน้องกระเต็นยืนยันว่า ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะไปคบหากับผู้ต้องหารายนี้ ขนาดตนเองยังไม่เคยพูดคุยกับผู้ต้องหาเลยตนเชื่อว่าผู้ต้องหาพูดใส่ร้ายลูกสาวตน อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมทั้งได้มอบกระเช้าขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นได้เดินทางไปมอบแหวนทอง ให้กับ น.ส.พร เพื่อนคนงานที่ช่วยออกตามหาและแจ้งเบาะแสของลูกสาวให้ตนทราบ ตามที่ได้ลงประกาศไว้ พร้อมขอบคุณ ทุกคนที่ช่วยกันติดตามหาลูกสาวจนพบสำหรับแหวนทองที่มอบให้วันนี้มีน้ำหนักครึ่งสลึง ถึงแม้ราคาจะไม่มากแต่ก็เป็นน้ำใจของตนและครอบครัวที่มอบให้ หลังจากรับมอบแหวนเสร็จ น.ส.พร ได้มอบแหวนทองที่รับมา คืนให้กับ พี่สาวของนอกระเต็น โดยบอกว่าตนขอยกแหวนนี้คืนให้เป็นการทำบุญ และยืนยันว่าไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เป็นการใส่ร้ายน้องกระเต็น น้องเป็นเด็กดีขยันทำงานไม่นิสัยเที่ยวเตร่ อีกอย่างน้องก็มีคนแฟนแล้วอยู่ที่ประเทศลาว

นายประสาน พ่อน้องกระเต็นเปิดเผยว่าจะไม่ยกโทษให้ กับตัวผู้ก่อเหตุที่มาวันนี้ เพื่ออยากจะมาดูหน้าผู้ต้องหาที่ฆ่าลูกสาวตนอย่างโหดเหี้ยมส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายแป๊บ และลูกสาวตนยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ หากมีความสัมพันธ์กันจริงให้นายแป๊บ เอาหลักฐานมาให้ดู เพราะเชื่อว่าหากคุยกันจริง ต้องมีหลักฐานการแชทตอนนี้ยังรู้สึกโกรธแค้นที่คนร้ายฆ่าลูกสาวตนเองเนื่องจากว่าตนเองรักลูกสาวมาก และหากเจอหน้านายแป๊บก็อยากจะถามว่าฆ่าลูกสาวตนทำไมนอกจากนี้ ยังตั้งข้อสงสัยอีกว่า อาจเป็นการฆ่าเพื่อมุ่งหวังทรัพย์สินหรือเปล่า เพราะลูกสาวใส่สร้อยคอทองคำและคนร้ายทราบมาว่าติดยาเสพติดก็น่าจะจริงเพราะเด็กอายุเพียง 19 ไม่น่าจะคิดก่อเหตุที่โหดร้ายแบบนี้ส่วนตัวยังเชื่ออีกว่าคนร้ายอาจจะข่มขืนลูกสาวก่อนจะลงมือ ฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากญาติผู้เสียชีวิตที่มาดูการแถลงข่าวว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาและช่วงเช้าวันนี้ วิญญาณของน้องกระเต็นได้มาเข้าร่างของหญิงสาวอายุประมาณ ซึ่งเป็นญาติกันที่วัดประชุมนุมพระ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ที่ตั้งศพบอกว่าหนาวและทรมานมาก

Skip to content