เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ ศปก.สภ.ทองผาภูมิ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร ในฐานะ ผอ.ศปทส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำ ตร. พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส. พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สันติ พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ อายุ 30 ปี นายศุภชัย เจริญทรัพย์ อายุ 34 ปี นายจอแห่ง พนารักษ์ อายุ 38 ปี นายกูกือ ยินดี อายุ 37 ปี และนายโชเอ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 66 ปี พร้อมของกลางซากเสือโคร่ง จำนวน 2 ซาก น้ำหนัก 52.5 กิโลกรัม อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาว ขนาด .22 ติดกล้องเล็ง จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ปืนแก๊ป) จำนวน 2 กระบอก/ กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด ปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 5 ปลอก
พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวเหตุเกิดที่บริเวณป่าหมู่บ้านปิล๊อก ม.4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม เวลาประมาณ 10.00 น.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม เวลา 19.00 น. ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้ตรวจยืดซากเสือโคร่ง จำนวน 2 ซาก และอาวุธปืน ตามบัญชีของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปิล๊อก และ สภ.ทองผาภูมิ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันสอบสวนสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 13 มกราคม เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่าคนร้ายที่ยิงเสือโคร่งดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 5 คน มีภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่บ้านปีล๊อก ม.4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลขออนุมัติออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับที่ 1-5/2565 จึงเร่งสืบสวนติดตามหาตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ไม่พบตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงกดดันให้ญาติ และ ผู้นำท้องถิ่นติดตามติดต่อพบเจ้าหน้าที่เพื่อทำการสอบสวน จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น. ชุดปฏิบัติการได้รับแจ้งจากนายประสาท แดงเถิน ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ แจ้งว่าสามารถติดตามตัวผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 4 คน โดย พ.ต.อ.สันติ พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ และ พ.ต.ท.ณวัสพล สารีบุตร สว.สภ.ปิล๊อก ได้ร่วมกันเดินทางไปรับตัวมาสอบสวน ที่ สภ.ทองผาภูมิ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 รายพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาที่ 1-4 ให้การรับสารภาพว่าพวกตนได้กระทำผิดจริง โดยอ้างว่า สาเหตุในการยิงเสือโคร่งครั้งนี้เนื่องจากพวกตนมีอาชีพเลี้ยงวัว ควาย แต่เนื่องจากในช่วงนี้วัว ควาย ของพวกตนถูกเสือกินไปแล้วกว่า 20 ตัว จึงนำอาวุธปืนที่พวกตนมีอยู่นำติดตัวไปเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยง แล้วยิงเสือโคร่งไปจำนวน 2 ตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานทองผาภูมิมาตรวจพบ ซึ่งขณะนั้นพวกตนตกใจจึงวิ่งหลบหนีไป ส่วนนายโชเอ ให้การว่าได้เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติจริง แต่ไม่ได้ร่วมยิงกับผู้ต้องหาที่ 1-4 แต่อย่างใด
หลังสอบปากคำพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดี รวม 10 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาต 3.ข้อหาร่วมกันล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติ 4.ข้อหาร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติ 5.ข้อหาร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ 6.ข้อหายิงปืนทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิงในเขต อุทยานแห่งชาติ 7.ข้อหาร่วมกันทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ในเขตอุทยานแห่งชาติ 8.ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 9.ข้อร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ10.ข้อหานำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในพื้นที่ อุทยานฯโดยไม่รับอนุญาต (วัวเข้ามาล่อเหยื่อ)
พล.ต.อ.รอย กล่าวยืนยันว่า ตำรวจดำเนินการอย่างเข้มข้นและจริงจังกับเรื่องการค้าสัตว์ป่าและลักลอบฆ่าสัตว์ป่าโดยเฉพาะสัตว์ป่าสวงนที่ใกล้สูญพันธุ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นที่นานาชาติให้ความสนใจไม่ใช่เฉพาะที่ไทยอย่างเดียว จึงฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นการกระทำที่มีอัตราโทษสูงและนานาชาติให้ความสนใจตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือไซเตส(CITES)
ด้าน พล.ต.ต.มานะ กล่าวว่าในส่วนของอนุสัญญาไซเตส ได้แบ่งเป็น 3 ระดับ คือการห้ามล่าห้ามค้าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ตามธรรมชาติเด็ดขาดโดยเฉพาะเสือ กรณีทีเกิดขึ้นจะต้องดำเนินการตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติว่าด้วยเรื่องสัตว์ควบคุมที่ใกล้สูญพันธ์ และเสือเป็น1ในบัญชีรายชื่อที่ทางกรมทรัพยากรฯได้ประกาศเอาไว้และนานาชาติให้ความสนใจในเรื่องของการค้าและส่งออกเป็นสำคัญ จากนี้ทางตำรวจภูธรภาค7จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไปว่ามีประเด็นอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของการนำเข้าส่งออก ค้าซากสัตว์ที่ขัดต่ออนุสัญญาไซเตสหรือไม่
ส่วนคดีการล่าเสือดำที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้กับการล่าเสือโคร่งครั้งนี้ พล.ต.ต.มานะ กล่าวว่า ล้วนแต่เป็นการเข้าไปล่าเสือในเขตอุทยานทั้งสิ้น ดังนั้นในแง่ของตัวบทกฏหมาย อัตราโทษในการดำเนินคดีไม่แตกต่างกัน