วันที่ 30 ม.ค.2565 ที่สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รักษ์จิต หม้อมงคล รอง ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบศีรีขันธ์ พ.ต.อ.เจริญ ชนประเสริฐ ผกก.(สอบสวน)ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.หงส์พรหม วิศิษฐ์ชนะชัย ผกก.สภ.หัวหิน พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมแถลงจับกุม นายภาณุพงศ์ อายุ 24 ปี นายบัณฑิต อายุ 23 ปี นายอนุสรณ์ อายุ 29 ปี ทั้งหมดเป็นพ่อค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ชาว อ.หัวหิน และนายอนุชา อายุ 33 ปี ชาวจ.สุโขทัย ร่วมกัน ฉ้อโกงซื้อ-ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในพื้นที่อ.หัวหิน มีผู้เสียหายล่าสุด 81 ราย เป็นเงิน 24,063,640 บาท
พล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของคดีมีการติดต่อชักชวนประชาชนที่รู้จัก ประกาศข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้บุคคลทั่วไปทราบ อ้างว่ามีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นโควต้าผู้ใหญ่รายหนึ่ง จากนั้นชักชวนให้ร่วมสั่งจองโควตาสลากฯกับกลุ่มผู้ต้องหา สามารถซื้อได้ในราคาถูก ใบละ 78-79 บาท เป็นเหตุให้มีประชาชนหลงเชื่อกว่า 30 ราย โอนเงินสั่งจองสลากฯ ช่วงแรกจะได้สลากตามที่สั่งซื้อ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลากมีจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น กลุ่มผู้ต้องหาได้เงินแล้ว แต่ไม่ได้สลากมาส่งมอบให้ผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อ
” เมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามขอเงินคืน นายภาณุพงศ อ้างว่า นายอนุชา เป็นผู้รับเงินต่ออีกทอด ทำให้ประชาชนที่หลงเชื่อไม่ได้เงินคืน มีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความกว่า 30 ราย วงเงิน 24,063,640 บาท หลังสอบปากคำผู้เสียหาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาลจังหวัดหัวหินจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย สอบสวนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากรวมเงินหลายสิบล้าน เป็นความผิดฐานฟอกเงิน พนักงานสอบสวน ได้แจ้งไปยังสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งได้กำชับให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขยายผลให้ถึงที่สุด และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย”
ผบช.ภ.7 กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติของ นายอนุชา เคยก่อคดีฉ้อโกงประชาชนใน จ.สุโขทัย ท้องที่ สน.สายไหม กทม. ก่อเหตุมาหลายพื้นที่ มีผู้เสียหายแจ้งความไว้ในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 1 ,3 และ 5 วงเงินความเสียหายมากกว่าที่ อ.หัวหิน หลังจากนี้จะมีประชาชนแจ้งความเพิ่มเติม ส่วนประชาชนที่ได้รับความเสียหายยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความขอให้เข้ามาแจ้งเพื่อดำเนินคดี โดยแยกเป็นแต่ละคดี โดยมีรายที่เสียหายมากที่สุดมีมูลค่าถึง 3 ล้านบาท ส่วนตัวมั่นใจในในพยานหลักฐานจะสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามูลค่าความเสียหายของเหยื่อแก๊งสลากฯ เฉพาะใน อ.หัวหิน มีมากกว่า 20 ล้านบาท ผู้เสียหายพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ ขณะนี้ยังไม่ได้เดินทางมาแจ้งความ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่าเสียหายทั้งสิ้นกว่า 130 ล้านบาท
