ที่ จ.สุพรรณบุรี 15.00 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นิกร ด้วงฉุน ผกก.สภ.เดิมบางนางบวช พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน เป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายปฏิพล จันทรมณฑล อายุ 23 ปี (แฟนหลานสาวผู้ตาย) และหญิง 1 ราย น.ส. อร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ตามหมายจับศาลสุพรรณบุรีและศาลเด็กและเยาวชน ในคดีฆาตกรรมอำพรางกรณีพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ภายในถังขยะพลาสติกสีน้ำเงินที่บริเวณชายเขาชะโอย จ. สุพรรณบุรี ทราบภายหลัง ว่า ผู้เสียชีวิตช่อนางสมศรี ม่ามกระโทก หรือ ยายหวาน อายุ 62 ปี โดยใช้เวลาสอบผู้ต้องหาเพิ่มเติมกว่า ครึ่งชั่วโมง
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ผบช.ภ7 ยืนยันว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าร่วมกันวางแผนก่อนลงมือฆ่ายายหวาน ซึ่งได้ก่อเหตุในห้องพักที่ จ.นครราชสีมา และนำศพมาทิ้งไว้ในดงหญ้า บริเวณลานดินของเอกชนที่ชายเขาชะโอยเนื่องจากฝ่ายชายเคยมาเรียนหนังสือในพื้นที่ อ.สามชุก มาก่อน จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน จากเดิมที่แจ้งไว้ 2 ข้อหาคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลายศพ
จากการสอบปากคำเพิ่มเติมนายพล ผู้ต้องหาอ้างว่า รู้จักกับนางสาวอร มาประมาณ 1 ปีผ่านทางเฟสบุ๊ค และเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกโดยในวันที่เกิดเหตุ แฟนสาวเล่าว่า ถูก ยายด่าทอ มาตั้งแต่เด็กจึงมีความเครียดสะสมและลงมือก่อเหตุโดยมีการวางแผนมาแล้วก่อนหน้า ประมาณ 1สัปดาห์ ส่วนรายละเอียดการลงมือต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี หลังจากยายหวานเสียชีวิต ก็พยายามหาที่ซ่อนเร้นอำพรางศพ จนกระทั่งมาถึงชายเขาชะโอย ก็ได้นำศพใส่ถังขยะพลาสติกที่พบกลางทางในพื้นที่ อ.สามชุก และนำมาทิ้งไว้พื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ตำรวจยังพบของกลาง คือ เงินสด 7 หมื่นบาท อยู่กับตัวของนายพล ส่วนอีก 5 หมื่นบาทอยู่กับนางสาวอร ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนคาดว่ามาจากบัตร ATM ของยาย พล.ต.ท.ธนายุตม์ยืนยันว่านางสาวอร ได้มีการแบ่งให้นายพล 3 หมื่นบาท
โดยระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในเวลา 15.30 น.ที่จุดเกิดเหตุชายเขาชะโอย ได้มีการวางมาตรการรักษา ความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ทราบข่าวเดินทางมาดูการทำแผนของเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก โดยชาวบ้านที่มาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากมาดูหน้าฆาตกร ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรทำไมถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ฆ่าได้แม้กระทั่งยาย แท้ๆ ของตัวเอง ส่วนนายพล ผู้ต้องหาไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เป็นอย่างดี
ด้าน นางเจริญศรี ลูกสาวยายหวานผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวอร ผู้ต้องหา ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ ระหว่างทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ โดยสภาพที่เศร้าโศก เสียใจ ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนฆ่ายายแท้ๆของตัวเอง ส่วนตัวมองว่า ประเด็นการขอเงินไปตั้งตัว ไม่ใช่ปมในการฆาตกรรม เพราะตนเองได้สอบถามกับลูกแล้ว แต่เป็นเพราะ ถูกกดดันมาตั้งแต่เด็ก และถูกกีดกันเรื่องความรัก ส่วนการดำเนินคดียืนยันว่า พร้อมที่จะให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด รับโทษกับสิ่งที่ทำไว้ และแม่ไม่กล้าประกันตัวลูก เนื่องจากตอนนี้ เนื่องจากตนตนและสามีต้องไปทำงานถ้าประกันตัวออกมาลูกต้องอยู่ตัวคนเดียว ประกอบกับสังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าลูกจะมีปมด้อยและความกดดันซ้ำเติม ไปอีก
ด้าน นางเจริญศรี ลูกสาวยายหวานผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวอร ผู้ต้องหา ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ ระหว่างทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ โดยสภาพที่เศร้าโศก เสียใจ ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนฆ่ายายแท้ๆของตัวเอง ส่วนตัวมองว่า ประเด็นการขอเงินไปตั้งตัว ไม่ใช่ปมในการฆาตกรรม เพราะตนเองได้สอบถามกับลูกแล้ว แต่เป็นเพราะ ถูกกดดันมาตั้งแต่เด็ก และถูกกีดกันเรื่องความรัก ส่วนการดำเนินคดียืนยันว่า พร้อมที่จะให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด รับโทษกับสิ่งที่ทำไว้ และแม่ไม่กล้าประกันตัวลูก เนื่องจากตอนนี้ เนื่องจากตนตนและสามีต้องไปทำงานถ้าประกันตัวออกมาลูกต้องอยู่ตัวคนเดียว ประกอบกับสังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าลูกจะมีปมด้อยและความกดดันซ้ำเติม ไปอีกด้าน นางเจริญศรี ลูกสาวยายหวานผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวอร ผู้ต้องหา ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ ระหว่างทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ โดยสภาพที่เศร้าโศก เสียใจ ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนฆ่ายายแท้ๆของตัวเอง ส่วนตัวมองว่า ประเด็นการขอเงินไปตั้งตัว ไม่ใช่ปมในการฆาตกรรม เพราะตนเองได้สอบถามกับลูกแล้ว แต่เป็นเพราะ ถูกกดดันมาตั้งแต่เด็ก และถูกกีดกันเรื่องความรัก ส่วนการดำเนินคดียืนยันว่า พร้อมที่จะให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด รับโทษกับสิ่งที่ทำไว้ และแม่ไม่กล้าประกันตัวลูก เนื่องจากตอนนี้ เนื่องจากตนตนและสามีต้องไปทำงานถ้าประกันตัวออกมาลูกต้องอยู่ตัวคนเดียว ประกอบกับสังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าลูกจะมีปมด้อยและความกดดันซ้ำเติม ไปอีก